Oat randolph-Alfalfa randolph-Timothy randolph
หญ้าโอ๊ตระยะที่ดีที่สุดสำหรับกระต่ายและสัตว์กินพืชขนาดเล็ก
พวกเรานิยมใช้หญ้าโอ๊ตเลี้ยงกระต่าย แกสบี้ ชินชิลล่ากันไม่น้อย ลองมาอ่านดูว่าหญ้าโอ๊ตเป็นอย่างไร
ต้นข้าวบางทีอาจจะไม่เหมาะสมเลย เมื่อนำมาใช้เป็นหญ้าแห้ง เพราะต้นที่พ้นระยะเก็บเกี่ยวเมล็ดไปแล้วจะกลายเป็นฟางข้าวที่แก่เกินไป และจะให้แต่เปลือกไม้ที่มีระดับของเยื่อใยชนิดย่อยไม่ได้สูงเกินไป ได้แก่ ลิกนิน และเซลลูโลส กระต่ายจะขาดเยื่อใยชนิดที่จะนำไปใช้หมักเป็นพลังงานหรือชนิดย่อยได้ จะผอมและถ่ายมูลแข็งใหญ่และมากผิดปกติ และยังพบว่าฟางข้าวจะมีความเป็นด่างมากเกินไป อาจทำให้ระดับกรด-ด่างในทางเดินอาหารเปลี่ยนแปลง
แต่พบว่ามีการนำต้นข้าวโอ๊ตมาใช้ประโยชน์เป็นหญ้าแห้ง ซึ่งต้องมีการจัดการแปลงหญ้าที่ดี โดยเลือกระยะในการตัดที่เหมาะสมเพื่อจะให้ได้หญ้าที่เหมาะสำหรับการไปเลี้ยงสัตว์ช่วงวัยเด็ก นั่นหมายถึงคุณค่าอาหารต้องดีเยี่ยมต่อการเจริญเติบโต
ระยะที่เหมาะสมที่สุดในการตัดนำมาใช้ คือ ช่วงเริ่มออกดอกและได้ผลอ่อน หรือมีการสะสมแป้ง เรียกว่า ระยะน้ำนมระยะแรก (early milk stage) เมื่อทำการบีบที่ยอดดอกจะพบน้ำข้าวไหลออกมา บางทีก็เรียกว่า watery-ripe stage ถ้าเลยระยะนี้ไปพบว่าคุณค่าของหญ้าจะลดลงอย่างรวดเร็ว ระยะการตัดจึงพลาดไม่ได้ บางแหล่ง เช่น ออสเตรเลียจะพิจารณาตัดก่อนช่วงระยะน้ำนมด้วยซ้ำ เพื่อไม่ให้เลยช่วงที่เหมาะสม
จะต่างจากหญ้าชนิดอื่นๆ ที่จะอยู่ในช่วงเจริญเติบโตทางลำต้นและใบในช่วง mid-bud ก่อนการออกดอก (vegetative stage) แต่หากปล่อยจนข้าวแก่แล้ว ตัวลำต้นและก้านใบจะมีคุณค่าต่ำลงอย่างมาก
ข้อดีของหญ้าโอ๊ตจึงแตกต่างจากหญ้าชนิดอื่น คือการให้พลังงานจากระยะน้ำนมของข้าว มักนิยมผสมกับอัลฟัลฟ่าเพื่อเพิ่มระดับโปรตีนในอาหารสำหรับเลี้ยงลูกสัตว์ และแม่ และยังให้ระดับเยื่อใยอาหารกลุ่มย่อยไม่ได้ (indigestible fibers) สูงกว่าหญ้าทิโมธี เพราะระยะการตัดแก่กว่าทิโมธี จึงช่วยกระตุ้นการขับถ่ายเม็ดมูลใหญ่ขึ้น นอกจากนี้เปลือกไม้ที่แก่กว่านี้จะมีซิลิกาอยู่มาก จึงช่วยในการขัดฟัน
แม้ว่าระดับโปรตีนจะอยู่ในระดับ 6-9% สำหรับหญ้าโอ๊ตระดับพรีเมี่ยม ซึ่งต่ำกว่าหญ้าทิโมธีระดับมาตรฐาน แต่เพิ่มคุณค่าด้วยการใช้ร่วมกับอัลฟัลฟ่าได้
หญ้าโอ๊ตยังให้ระดับวิตามินเอสูงกว่าหญ้าชนิดต่างๆ อันนี้สำคัญ เพราะสัตว์กินพืชทุกชนิดเสี่ยงต่อการขาดวิตามิน
ข้อดีอีกประการที่หญ้าโอ๊ตได้เปรียบ คือ การเก็บเกี่ยวในระยะน้ำนมช่วงแรกนี้ จะทำให้หญ้ามีความหอมและรสชาติดี เป็นที่ถูกใจของสัตว์
หญ้าโอ๊ตจากออสเตรเลียจะได้รับความนิยมสูงเพราะจริงจังกับระยะของการตัดหญ้า ให้ได้คุณค่าสูงสุดจริงจัง ประเทศที่นำเข้าจากออสเตรเลียมากที่สุดแห่งหนึ่งคือ ญี่ปุ่น
สัตวแพทย์มักแนะนำให้ใช้หญ้าโอ๊ตในกระต่ายที่พบการสึกของฟันไม่เหมาะสมในระยะแรก จะลดการเกิดฟันยาวผิดปกติ จึงช่วยไม่ให้เกิดความรุนแรงในระยะถัดไป
#แรนดอล์ฟเป็นผู้นำนวัตกรรมด้านอาหารสัตว์กินพืช
#หญ้าโอ๊ตแรนดอล์ฟนำเข้าจากออสเตรเลีย
#oat #hay #timothy #alfalfa #หญ้าโอ๊ต #โอ๊ต #แรนดอล์ฟ #randolph
ซูเปอร์พรีเมี่ยม
เป็นอีกทางเลือกสำหรับผู้เลี้ยงที่ต้องการหญ้าเกรดสูงและความคุ้มค่ามากกว่า
ด้วยหญ้าถุงนี้ที่เมื่อนำเข้ามาก็บรรจุลงถุงทันที คุณค่าครบครัน คงความสดแบบดั้งเดิม
พร้อมสำหรับการจัดเก็บในอุณภูมิคงที่ตลอด 24 ชั่วโมง
คุณค่าทางอาหารที่ได้รับการการันตีแล้ว
พร้อมคุณค่าไฟเบอร์สูงสุด 32%
โปรตีนสูงสุดถึง 12%
ไขมันเหมาะสม 1.5%
แคลเซียมเหมาะสม 1%
ความชื้น 12%
#hay #หญ้าพรีเมี่ยม #ทิโมธี #อัลฟัลฟ่า #แรนดอล์ฟ #randolph #อาหารกระต่าย #กระต่าย #แกสบี้ #ชินชิลล่า
หญ้าอัลฟัลฟ่า 100% ที่ทำการตัดครั้งแรก หรือช่วงที่กำลังสร้างกิ่งก้านใบและตาดอกซึ่งถือว่าเป็นจุดพอดีของพืชที่จะมีระดับของคุณค่าทางโภชนาการเหมาะสมกับสัตว์กินพืชในวัยเจิญเติบโต ต้องการฟื้นฟูสุขภาพ หรือต้องการผลผลิตสูง โดยยังให้ระดับโปรตีน วิตามินและแร่ธาตุที่ดี มีความน่ากิน และการย่อยได้ของสัตว์สูง ขณะที่ให้เยื่อใยอาหารลิกนินและเซลลูโลสเพิ่มขึ้นในระดับพอดี ทำให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติ
คำแนะนำ
- ให้อัลฟัลฟ่าเลี้ยงลูกกระต่ายตั้งแต่ 3 สัปดาห์ จนถึง 6 เดือน หรือเมื่อโตเต็มวัยแล้ว หลังจากนั้นจะเปลี่ยนเป็นหญ้าทิโทธี และถือว่าเป็นของกินเล่นที่เหมาะสมในกระต่ายโตแล้วเช่นกัน
- สัตวแพทย์แนะนำให้อัลฟลฟ่าเลี้ยงกระต่ายไม่น้อยกว่าร้อยละ 75% ของอาหารทั้งหมดหรือกินได้ไม่จำกัด จะช่วยทำให้สัตว์ห่างไกลจากโรคทางเดินอาหารที่พบบ่อย ได้แก่ ฟันไม่สึก ก้อนขนอุดกั้น ลำไส้อืดหรือลำไส้เคลื่อนที่ช้า และลำไส้อักเสบจากการเสียสมดุลจุลชีพ
ขนาด 500 กรัม